Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

My Boyfriend จับนายหน้าหล่อมาขอเป็นแฟน ตอนที่ 2

Go down

My Boyfriend จับนายหน้าหล่อมาขอเป็นแฟน ตอนที่ 2 Empty My Boyfriend จับนายหน้าหล่อมาขอเป็นแฟน ตอนที่ 2

ตั้งหัวข้อ  applepie Thu Apr 29 2010, 19:26

2
ปะทะ
โอเค ฉันเพิ่งรู้ว่าโลกกลมก็วันนี้แหละ
อยากตาย T^T
อะไรมันจะกลมขนาดนั้น หลังจากที่ยัยเพื่อนสาวสุดตาแหลม (มายล์) ได้พบเห็นกลุ่มคนกลุ่ม
หนึ่งที่นั่งถัดจากตำแหน่งของเป้าหมาย (SO FUN) ไปสองโต๊ะ และ 3 ใน 5 ของกลุ่มนั้นก็คือ...
แถ่น...แท่น...
ไมล์ การิว และมาชิล
“แล้วเราจะเอายังไงต่อดี”
“ฉันว่านะเราน่าจะ...”
“เอาแบบนี้ละกัน”ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดได้จบประโยค โรสก็แทรกขึ้นมา “ฉันจะเขียนจดหมายไปบอกพวกนั้นว่าพวกเราสามคนถูกคนกลุ่มหนึ่งปองร้าย แล้วก็บอกพวกนั้นไปว่าพวกมันต้องการเวอร์จิ้นของพวกเรา 3 คน และขั้นตอนสุดท้ายพวกเรา 3 คนก็ไปซบขาพวกนั้นพลางทำสีหน้าออดอ้อนนิดนึงแล้วบอกว่า ‘โปรดช่วยพวกเราด้วยนะค่า’ ”
เออ แจ๋ว แกเอาร่องก้นคิดเรอะ
“แล้ว แกคิดเหรอโรสว่าพวกนั้นจะยอมช่วยพวกเราโดยไม่หวังผลตอบแทนอ่ะ” ใช่แล้วการลงทุนทุกอย่างย่อมต้องมีของตอบแทนทั้งนั้น
“นั่นน่ะสิ นี่น่า ฉันเห็นด้วยกับแกนะ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งส่งไปนะ เนอะโรส” มายล์พูดกับฉันพร้อมกับหันหน้าไปทางโรส
ฟิ้ว ยัยนั่นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ทันทีที่เขียนเสร็จ โรสก็ส่งจดหมายให้พนักงานคนหนึ่งนำไปส่งทันที
“ฟึ่บ นี่ค่ะช่วยเอาไปส่งที่โต๊ะ 3 มุมโน้นทีนะค่ะ ขอบพระคุณมากเลยค่ะ”
เฮือก งานเข้าแล้ว
หมับ
“แกทำอะไรลงไป!” ไม่ต้องนัดหมายก็สามารถพูดได้พร้อมกันเลยทีเดียว -*-
พอพวกฉันสองคนพูดไปแบบนั้น โรสก็หยิบน้ำชาเขียวปั่นขึ้นดื่มเพื่อแก้กระหาย แล้วตอบกลับมาด้วยเสียงสบายๆ อย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
“อ้าว ก็เขียนจดหมายไง” มันจงใจอยากตายใช่ไหม?
“เออ รู้น่ะรู้ว่าเขียนจดหมาย แล้วแกเขียนทำไม”
“โหย นีน่า ฉันก็ทำให้เรื่องทุกอย่างมันง่ายขึ้นไงล่ะ”
“เฮ้อ แล้วพวกเราจะเอาไงต่อดี” ยัยมายล์เอ่ยขึ้นเพราะเห็นว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้คงจะไม่เป็นผลดีแน่
โรสแกทำเรื่องให้มันง่ายหรือยากขึ้นเนี่ย T^T
พรึ่บ
โอเค ฉันก็พอจะรู้ตัวอ่ะนะว่าตัวเองสวย ในบางครั้งมันก็อาจจะมีผู้ชายมารุมล้อมได้ แต่ต้องไม่ใช่พวกนี้ TTOTT
แง ยัยโรสจดหมายแกทำพิษแล้ว คิดได้ดังนั้นก็รีบนำนิตยสารมาปิดหน้าตัวเองทันใด แต่ว่า...
ฟึ่บ มีมือใครก็ไม่รู้มาดึงออกแล้ว YoY ฉันจึงรีบหลับตาอย่างทันที
“เธอใช่ไหมที่ชื่อ นีน่าน่ะมากับฉันเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนจากด้านหน้าทำให้ฉันที่กำลังนั่งจำศีล เอ้ยนั่งหลับตา หันกลับขึ้นไปมองด้วยสายตาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร่ แล้วก็พบว่าชายที่ตะคอกใส่ฉันก็คือ
=[]= มะ…แม็กซิน ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่ามีสายตาที่หวานหยดย้อยแอบแฝงไปด้วยความโหดนิดๆ ผู้หญิงคนใดที่ได้สบตาเป็นต้องหลงใหลอย่างถอนตัวไม่ขึ้น อร๊ายยยยยย ฉันก็เริ่มหลงใหลตาสีน้ำตาลนั่นแล้วสิ ไม่ได้การละ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
“ใช่ ฉันชื่อนีน่า นายมีธุระไรกับฉันเหรอ” ฉันทำอะรายลงไป ทำไมฉันถึงพูดแบบนั้นออกไปเนี่ย หมอนั่นจะโกรธรึเปล่านะ เอาเถอะตอนนี้ชีวิตสำคัญที่สุด
“หึ ธุระอะไรงั้นเหรอ ตามมานี่เลย” แม็กซินพูดน้ำเสียงที่เย็นชาก่อนที่ลากแขนฉันให้ออกไปด้านนอก
“นายจะลากฉันไปไหน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ฉันจึงตอบกลับด้วยเสียงที่น่ากลัวไม่แพ้กัน หึ ถึงแม้ว่านายจะหล่อลากไปถึงขอบจักรวาลก็ตาม -_-^+++ ฉันก็ไม่มีวันยอมโดนว่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ!!!
“ก็เธอเขียนจดหมายมาเองไม่ใช่เหรอว่าอยากเป็นแฟนกับฉันน่ะ” แม็กซินพูดด้วยน้ำเสียงที่ยียวนกวนประสาทมาก ในขณะที่ยังลากฉันไปตามทางเท้าต่อไป ดะ...เดี๋ยวก่อนนะยัยโรสเขียนไปบอกว่าฉันขอเป็นแฟนกับแม็กซินเหรอ โอ้ พระเจ้ามันยอดมาก ยอดหยั่งกะผีอ่ะสิ ฉันได้ยินมาว่า แม็กซินน่ะ...แม็กซินน่ะ
เขาเกลียดผู้หญิงที่แอบอ้างเป็นแฟนของเขา หรือไปขอเขาเป็นแฟน!!! @ _ @

“ฉันน่ะเหรออยากจะขอนายเป็นแฟนน่ะ น่าขำสิ้นดีเลย” ฉันพูดพร้อมกับทำท่าทางประกอบ
“...” เขาหันหน้ามามองฉันก่อนจะทำหน้าแปลกใจนิดหน่อย
ฟึ่บ
เฮ้ย อยู่ดีๆ หมอนี่ก็อุ้มฉันพาดบ่าเฉยเลยอ่ะ O.O
“นี่นายจะทำอะไรน่ะ ปล่อยช้านนนนนน้า” ไม่พูดซะเปล่า ฉันพยายามออกแรงตีที่หลังของไอ้บ้านี่ด้วย ผลปรากฏคือหมอนี่ไม่สะเทือนเลยค่ะ พี่โน้งงงงง ในที่สุดความจริงก็เปิดเผยแล้วว่าเขาเป็นไดโนคิงกลับชาติมาเกิดนี่เอง -_-‘
“เข้าไป แล้วนั่งลงซะ” เขาวางฉันลงก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแล้วบอกให้เข้าไปนั่ง
ชิ พวกบ้าอำนาจ รังแกได้แม้กระทั่งคนน่ารัก(ตรงไหน) -_-*
“นี่นายจะพาฉันไปไหน” ฉันหันหน้าไปทำตาไร้เดียงสาสุดๆ เพื่อให้หมอนั่นหันมาสนใจ (บ้าง) -*-
“เดี๋ยวก็รู้เองล่ะน่า” แม็กซินหันมาพูดเนือยๆ ก่อนจะขับรถออกไป ด้วยความเร็วที่มัน...เฮ้ยยยยยย นายจะรีบไปเฝ้ายมบาลเหรอ T^T
“นี่นาย ขับรถช้าๆ หน่อยไม่ได้หรือไงยะ” ฉันหันไปตวาดใส่หมอนั่นทันที ก่อนที่จะกระหน่ำซัดหมัดลงไปบนต้นแขนของเขา อย่างมันมือ หมั่นไส้นักคนอะไรขาวอย่างกับสำลี _ _^
“...” แม็กซินไม่ตอบเพียงแต่เอามือข้างหนึ่งมาจับแขนฉันไว้เพื่อไม่ให้ทุบตัวเอง ก่อนที่จะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาขับรถต่อไป อ๊ากกกกกกก นายกล้าดียังไงถึงไม่สนใจฉัน หา!!!
ฟึบ
“ฉันบอกให้นายขับรถให้ช้าลง เดี๋ยวนี้!!!” ฉันเอื้อมมือไปปัดแขนหมอนั่นออกก่อนที่จะตะโกนใส่หูหมอนั่นเต็ม ด้วยเสียงที่มีความดัง 200 เดซิเบลก็ไม่ปาน เป็นเหตุให้นายนั่นขับรถเข้าขางทางทันที หึๆ นี่ล่ะผลของการไม่เชื่อฟังฉัน
“หุบปากซักทีได้มั้ย” แม็กซินหันหน้ามาหาฉันแล้วสั่งด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความโกรธสุดขีด
“ไม่” โฮ่ๆ เพราะฉะนั้นฉันเลยตอบกลับไปพร้อมกับหันหน้าไปแยกเขี้ยวใส่ เรื่องอะไรจะเงียบให้โง่ล่ะ
“ถ้างั้นเธอไม่หยุดใช่ไหม” แม็กซินหันหน้ามาพูดด้วยทาทางที่ยั่วยวน ท่าแบบนั้นหมายความว่ายังไงยะ “ถ้าไม่หยุดละก็...ฉันจูบเธอแน่”
“...” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ตืดๆ
“ดี อยู่แบบสงบปากแบบนั้นแหละนะจ๊ะ สาวน้อย” เขาว่าพลางเอามือไปจับพวงมาลัยแบบเดิม ชิ สั่งได้สั่งดี คิดว่าใหญ่นักหรือไงหา!!! (เถียงได้แต่ในใจ TOT)
“...”
“นี่...เธอจะไม่พูดอะไรจริงๆ เหรอ”
“...” ใครจะๆ ไปกล้าพูดเล่าไอ้บ้า
“เฮ้อ เซ็งชะมัดทำเป็นปากเก่ง ฮึ่ย” อ๊ากกกกกกก คิดว่าตัวเองเป็นใครหาถึงได้ว่าให้ฉันแบบนี้เนี่ย หยามกันชัดๆ แบบนี้ยอมไม่ได้แล้วโว๊ย
“ปากเก่งแล้วมันหนักส่วนไหนของ...OxO” อยู่ๆ อีตาบ้าแม็กซินก็เบรกรถแล้วหันหน้ามาปากประกบปากจูบกันฉันทันที
สัมผัสอันเร่าร้อนทำให้ความโกรธของฉันแทบจะไม่เหลือเลยทีเดียว พอจูบฉันจนหนำใจแล้วแม็คซินก็ถอนริมฝีปากออกพร้อมกับส่งสายตายั่วยวนมาให้ อ่า หัวใจฉันจะออกมาเดินเล่นแล้ว >-<
“หึๆ” กรี๊ด เสียงหัวเราะอย่างนั้นหมายความว่าไงยะ
“นะ...นายกล้าดียังไงถึงได้จูบฉันฮะ” (นังความรู้สึกช้า เค้าจูบไปเกือบ10นาทีแล้ว) ฉันว่าพลางเอามือเช็ดที่ริมฝีปากของตัวเอง
“ก็ใครใช้ให้เธอพูดล่ะ ฉันเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอ” เตือนแล้วเหรอ...เออ ใช่นั่นสิ แสดงว่าเมื่อกี๊หมอนั่นแกล้งพูดให้ฉันโมโหใช่ม้ายยยยย
แง จูบแรกของฉัน T^T
“...” ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 แน่คอยดู!!!

สิบนาทีผ่านไป
แม็คซินค่อยๆ เลี้ยวเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งสองข้างทางของซอยนั้นไม่มีบ้านเรือนอยู่เลย เฮือก นี่นายจะเอาชั้นมาฆ่าหมกป่าแถวนี้เหรอ แต่เอ๊ะสังเกตดูดีๆ แล้วเหมือนกับมันเป็นทางเข้าคฤหาสน์ ของใครบางคนเลยอ่ะ นั่นก็เพราะว่าแม็คซินกำลังจะผ่านประตูรั้วเข้าไปยังไงล่ะ
เอี๊ยด
“เอ้า ยินดีต้อนรับคับ เจ้าหญิง ^-------^” เขาว่าพลางยื่นมือมาเปิดประตูรถให้ฉัน โอ้โห ใหญ่พอๆ กันกับบ้านฉันเลยแฮะ ไม่อยากจะคุยเลยว่าตัวเองรวย (แล้วนี่เค้าไม่เรียกว่าคุยเหรอยะ)
“ใครเป็นเจ้าหญิงของนายยะ นี่น่ะเหรอบ้านนาย...หลังพอๆ กับบ้านหลังเล็กฉันเลย” ฉันว่าพลางมองดูรอบๆ ตัวบ้าน
“จริงเหร้อออ” เขาพูดอย่างท้าทายก่อนจะดึงมือฉันแล้วก้าวขาเข้าไปในบ้าน

ภายในบ้าน ต้องบอกว่าไม่ใช่ดูดีแค่ภายนอกเท่านั้น แต่ภายในยังประกอบไปด้วยฟอร์นิเจอร์หลายตัวที่พนันได้เลยว่าทั้งบ้านนี้ต้องหลักหมื่นล้านขึ้นแน่ ดูเหมือนว่าแม็คซินจะรู้ว่าฉันกำลังประเมินราคาบ้านของเขาอยู่ หมอนั่นจึงหันมาทำหน้ายิ้มกริ่มใส่ฉันทันที เป็นเหตุให้ฉันทำตาขวางใส่เขาไปทีนึง เฮอะ คิดว่าบ้านราคาแบบนี้มีแต่บ้านนายรึไง บ้านฉันก็มีย่ะ
“นี่นาย เมื่อไร่เพื่อนนายจะมาสักทีเนี่ย ฉันอยากกลับคอนโดจะแย่อยู่แล้วนะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากห้องที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เถอะน่า เธอน่ะหันใจเย็นหน่อยสิ หรือถ้าใจไม่เย็นมานี่มาฉันจะกอดให้เย็นเอง ^^” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงของผู้ชายที่พูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน
“ไอ้โซ” ดูท่าทางว่าแม็กซินจะรู้ว่าผู้ชายที่อยู่ในห้องนั้นเป็นใคร ทำไมน่ะเหรอ เพราะตอนนี้เขากำลังลากฉันเข้ามาในห้องนี้น่ะสิ ทันทีที่เข้ามาฉันก็พบกับ...
เฮ้ย O.O ฉันยืนตาโตเท่าไข่ห่านมองไปยังสี่คนปริศนาประกอบไปด้วย ชายสอง หญิงสองที่นั่งฟัดกันเอาเป็นเอาตายอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โปรดอย่าคิดไปไกล แค่เป็นการทะเลาะกันด้วยน้ำลายเฉยๆ และที่สำคัญอยากจะบอกเหลือเกินว่าผู้หญิงสองคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ยัยโรส กับยัยมายล์นี่เอง อยากจะบ้าตาย ทำไมพวกเราต้องมาพบจุดจบเช่นเดียวกันด้วยเนี่ย
“ยะ...ยัยนีน่า!!!” สองคนนั้นโผเข้ากอดฉันทันทีก่อนจะร้องไห้ปานเขื่อนแตก สงสัยงานนี้คงต้องเคลียร์กับพวกนั้นซะแล้ว
“พวกนายสองคนทำอะไรเพื่อนฉันหา!!! ทำไมเพื่อนฉันถึงได้ร้องไห้เวลาเจอหน้าฉันน่ะ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะเจ้าพวกโรคจิต” ฉันว่าพลางขบฟันอย่างโกรธแค้น
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พวกฉันสองคนได้พรากจูบแรกของเพื่อนเธอ” อ๋อ ที่แท้ก็เรื่องแค่นี้เองทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ฮะ เมื่อกี๊พวกนั้นว่ายังไงนะ (ยัยความรู้สึกช้า) จูบ งั้นเหรอ ไม่นะ ทำไมยัยพวกนั้นต้องโดนแบบฉันด้วยเนี่ย _ _*
“ไอ้พวกบ้าอย่าพูดแบบนั้นได้มั้ย รู้มั้ยว่าพวกนายสองคนทำอะไรลงไป” โรสพูดพลางเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาของตนเอง
“ใช่ เพราะฉะนั้นพวกนายสองคนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น” ต่อด้วยมายล์ที่พูดพร้อมกับเอามือป้ายน้ำตาของตนเอง
“เอ่อ อยากจะบอกเรื่องหนึ่ง” ก่อนที่โรสจะพูดต่อ แม็กซินที่ไม่มีบทพูดมานานก็พูดขึ้นด้วยหน้าตาที่ยั่วยวน พร้อมกับหันหน้ามาทางฉัน!!! “ฉันเองก็จูบยัยนั่นไปแล้วเหมือนกัน” แม็กซินว่าพลางชี้มาทางฉันด้วยสีหน้าที่ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ก่อนที่จะกลับไปนั่งรวมกันกับสองคนนั่น อ๊ากกกก ไอ้บ้านายกล้ามากนะที่พูดออกไปแบบนั้นน่ะ
แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ฮึ่ย -_-^

“นายว่าไงนะ!!!” ยัยสองตัวนั้นพูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะหันหน้าไปพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง แล้วตะโกนประโยคสุดขนลุกขึ้นมา
หงึกๆ
“พวกนายสามคนต้องรับผิดชอบโดยการมาเป็นแฟนของพวกฉัน!!!”
“^O^” หน้ายัยสองคนนั้น
“O.O” หน้าของผู้รับผิดชอบ ง่ายๆ ก็คือหน้าของผู้ชายสามคนนั่น
“-.,-” หน้าฉัน ซึ่งบ่งบอกว่าแอบดีใจอยู่ลึกๆ เพราะว่าฉันจะได้หนีจากไมล์ พ้นสักที ซึ่งเหมือนกับยัยสองคนนั้นที่อยากหนีจากแฟนเก่าและคู่หมั้นเก่าให้พ้น
“เฮ้ย พวกแกสองคนคิดเหรอว่าพวกนั้นจะยอมน่ะ” ฉันซุบซิบกับยัยเพื่อนซี๊สองคน พลางหันหน้าไปด้อมๆ มองๆ สามคนนั่นแล้วก็พบว่า...
อ้าปากค้างจนแมลงวันจะไปเข้าปากได้เรียบร้อย
“แหม แกนี่มันชอบคิดอะไรยากๆ จริงๆ เลยนะนี่น่า พวกเค้าต้องยอมอยู่แล้ว เชื่อชั้น!” ยัยโรสพูดพลางทำหน้าตามั่นใจสุดๆ พร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก ฉันก็อยากจะเชื่อแกนะ แต่เชื่อแกทีไรฉันซวยทุกทีเลย แล้วอย่างงี้ฉันจะรอดมั้ยเนี่ย TOT
“ตกลง!!!” สามคนนั้นพูดพร้อมกันจนทำให้พวกฉันต้องหันหน้ากับไปมอง ก่อนที่แม็คซินจะพึมพำอีกประโยคหนึ่งขึ้นมา “แต่พวกเธอจะต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ให้ได้ซะก่อนนะ” อ้าว เฮ้ย แต่ก่อนเราเป็นฝ่ายได้เปรียบไม่ใช่เรอะ ตอนนี้กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปเฉยเลยง่า
“ดะ...เดี๋ยวก่อนสิ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับงานเลี้ยงเล่า” ยัยมายล์เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงตะกุก...ตะกัก อาจเป็นเพราะกลัวพวกนั้นเล่นอะไรแผลงๆ
“มีตาก็อ่านเอาสิ ยัยเด็กน้อย”
“นายว่าใครเป็นเด็กน้อย หา อีตาหัวปลาหมึก” ยัยมายล์พูดพร้อมกับชี้หน้าไปทางเอ่อ...นายหัวปลาหมึก หรือนายซันไชน์ ที่ว่านั่น ฉันว่าเค้าก็ไม่ได้มีทรงผมที่เหมือนปลาหมึกตรงไหนเลยนะ แค่เป็นทรงผมที่มันเอ่อ...ระต้นคอเฉยๆ นี่ยังไม่นับหน้าตาที่ค่อนข้างหล่อ อภิมหาหล่อโครตๆ ของเค้านะ อ้อ ฉันลืมไปว่ายัยนี่เป็นพวกเกลียดวัตถุนิยมพูดง่ายๆ ก็คือเกลียดเกาหลีชนิดรุนแรงนั่นเอง แต่กลับไปชอบพวกสกินเฮดอะไรเทือกนี้มากกว่า ซึ่งนิสัยที่ว่านี้ต่างกับยัยโรสโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว รายนั้นน่ะออกจะคลั่งไคล้พวกดาราเกาหลีชนิดเอ่อ...รุนแรงหรือเข้าขั้นบ้านั่นเอง -.,-
“เธอเองก็เหมือนกัน สั่งนู่นสั่งนี่อยู่ได้น่ารำคาญยัยหน้าจืด” โฮะๆ สะใจจังยัยโรสโดนว่า ว่าจากนายโซอึนนั่นเอง ส่วนฉันน่ะเหรอนั่งดูเฉยๆ ฮ่าๆ
“เค้าเรียกว่าสวยอย่างเป็นธรรมชาติย่ะ” แล้วก็ตอกกลับทันทีนี่หล่ะยัยโรส
“เธอก็เหมือนกันเอาแต่นั่งหัวเราะอยู่นั่นแหละ อยากเข้าหลังคาแดงรึไง” อ๊ากกกก อยู่ดีไม่ว่าดีนายแม็คซินก็หันหน้ามาเปิดศึกน้ำลายกับฉันเฉยเลยอ่า
“ไอ้บ้า ไม่เคยตายด้วยมือฉันใช่ไหมถึงกล้าพูดน่ะ”
“ตายด้วยมือคนน่ารักอย่างเธอก็ไม่เลวนะ ^ ^”
“อ๊ากกก ฉันจะทำยังไงกับความเสี่ยวของนายดีนะแม็คซิน”
“โอ๊ยยยย ฉันจะทำยังไงกับความน่ารักของเธอดีนะ ยัยเซ่อ”
“นายกล้าดียังไงมาว่าฉันเซ่อห๊ะ อีตาบ้าเพลย์บอย กวนประสาท ปลิ้นปล้อน หลอกลวง บลาๆๆ ” ฮู่ปล่อยไปหมดแม็คเลยฉัน
“ว่าแต่ฉันดูตัวเองก่อนนะ สาวน้อย ^^”
“อ๊ากกกก นายมันบ้าบ้าที่สุด” ฉันตะโกนขึ้นอย่างสุดทนก่อนที่จะเดินเลี่ยงมาอีกทาง

ทางด้านโรสและโซอึน
“เฮอะ นี่สวยแล้วรึ” โซอึนพูดพร้อมกับยักคิ้วอย่างกวนประสาท นั่นทำให้ยัยโรสถึงกับพิโรธ
“ใช่ฉันสวย นี่แหละสวยของฉัน” ยัยโรสว่าพลางชี้หน้าโซอึนอย่างกับว่าโซอึนไปฆ่าขมขื่นหล่อนงั้นแหละ ก่อนที่หล่อนจะพูดต่อ “นายอย่ามาดูถูกความสวยของฉันเชียวนะ”
“ฮะๆ งั้นฉันไม่ดูถูกความสวยของเธอก็ได้ ว่าแต่ว่าฉันจำชื่อเธอไม่ได้แล้วอ่ะ ใช่ชื่อโบสถ์รึเปล่า” โซอึนพูดพร้อมกับทำท่าทางกวนส้นก็ไม่ปาน =_=^
“กรี๊ดดดด ไอ้บ้า ใครจะชื่อเฉยแบบนั้นกันยะ ฉันชื่อโรสย่ะ” โรสว่าพลางเบ้หน้าใส่คนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“งั้นเหรอ” กรี๊ดดดด ไอ้บ้าอย่ามาทำเสียงกวนประสารทแถวนี้นะ
“หยุดทำหน้าและท่าทางกวนประสาทแบบนั้นเดียวนี้เลยนะ นายโซอึน” ยัยโรสเริ่มของขึ้น จึงเปลี่ยนจากการกอดอกมาเป็นการเท้าสะเอวแทน _ _”
“หืม ทำไมฉันต้องหยุดด้วยหล่ะ” โซอึนยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนคนตัวเล็กเริ่มหวาดกลัวในสิ่งที่เขาจะทำ
“อะ… ไอ้บ้า เอาหน้าออกไปห่างๆ ฉันเลยนะ” ยัยโรสพูดพร้อมกับเอามือผลักอกโซอึนออกแล้ววิ่งหนีกลับไปรวมกับยัยนีน่า

ทางด้านมายล์และซันไชน์

“นี่อีตาขี้เก๊ก ฉันพูดกับนายอยู่นะ หัดฟังที่คนอื่นเค้าพูดบ้างสิ” แน่นอนว่ายัยมายล์พูดประโยคนี้ใส่ร่างสูงที่กำลังยืนพิงเสาอยู่ตั้งไม่รู้กี่ครั้ง แต่เขาก็ยังตอบมาแบบเดิมๆ คือถอนหายใจ -_-^
“ฉันขอให้เธอพูดกับฉันเหรอ” คราวนี้นายซันไชน์เริ่มหมดความอดทนกับความเอาแต่ใจก็คนตัวเล็กตรงหน้า
“อ๊ากกก หยุดพูดแบบขอไปทีเดี๋ยวนี้เลยนะ” ยัยมายล์เริ่มขบริมฝีปาก พลางคิดในใจว่า เธอต้องมาเป็นแฟนกับไอ้หมอนี่จริงๆ เหรอ ถ้าเป็นยังงั้นเธอจะทนเขาได้ถึงสามวันรึเปล่า
“งั้นจะให้ฉันพูดแบบไหนหล่ะ”
“แบบที่ให้คนฟังเขาฟังแล้วรื่นหูไง”
“ฉันก็พูดแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่ ใครรับไม่ได้ก็อย่ามาคบกันเลย” อ๊ากกก ยัยมายล์เริ่มคลั่งกับประโยคที่เขาพูดจนถึงขีดสุด แต่เธอวีนได้ซะที่ไหนกันหล่ะ ในความจริงเธอได้เพียงแค่พูดว่า
“ขอโทษนะ” กัดฟันพูดอย่างรุนแรง
“เหรอออ เพิ่งเคยเห็นยัยทอมอย่างเธอขอโทษแฮะ”
“อ๊ากกกก ไม่ไหวแล้วโว๊ย นายมันไอ้มนุษย์น้ำแข็ง” ยัยมายล์ว่าพลางกำกำปั้นแล้วเดินหนีไปรวมกับยัยโรสและยัยนีน่าทันที
“เอาหล่ะ ทำความรู้จักกันพอแล้ว ตกลงพวกเธอสามคนจะเอายังไง” แม๊คซินพูดพร้อมกับมองหน้ามาทางฉัน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับยัยโรสและยัยมายล์ซึ่งกำลังจ้องหน้าคู่ของตัวเองยังกับปลากัด
“ชิ ก็ต้องทำตามข้อเสนอของพวกนายน่ะสิ อย่าถามมากได้ไหมเล่า” ฉันเบ้ปากใส่แม็คซินอย่างหมั่นไส้
“งั้นก็ดี เดี๋ยวพวกเราจะไปส่งเธอที่คอนโดก็แล้วกัน” พูดจบพวกเราทั้งสามคนก็ถูกกระชากลากถูไปยังรถของแต่ละคนทันที

ทันทีที่กลับมาถึงคอนโดพวกเราก็รีบวิ่งเต้นอาบน้ำกันทันที เพราะงานเลี้ยงจะจัดขึ้นตอนเย็นนี้ แต่พวกเรายังไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ากันเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ทุกคนเลยยุ่งกับการแต่งตัวมาก
“คอยดูเหอะ พวกนายทั้งสามคนจะต้องตกตะลึงในความสวยของพวกเรา” ทั้งสามสาวแผดเสียงขึ้นก่อนที่จะแต่งองทรงเครื่องต่อ
applepie
applepie

จำนวนข้อความ : 7
Join date : 29/04/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ